Follow Us
Story We Share
HOME
ABOUT US
CONTACT US
FAQ
SIGN UP
LOG IN
|
MEDITATION
DHAMMA
CHILDREN & FAMILY
HEALTH
ENGLISH FOR LIFE
BOOK LOVER
JOURNEY
MISCELLANEOUS
STORY
BY Sasha
(Master)
Once upon a time in India (ตอนที่ 4)
Print
December 03, 2013
3,430 views , 0 comments
0
Once upon a time in India (ตอนที่ 4)
กาลครั้งหนึ่งในอินเดีย-ตามรอยสังเวชนียสถาน
ในวันนี้เราจะมาเก็บตกที่พระมหาเจดีย์พุทธคยา และใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ในเวลากลางวันกันบ้าง เราทานข้าวและออกจากที่วัดไทยพุทธสาวิกากันตั้งแต่ 7 โมงเช้า แล้วก็มายังมหาเจดีย์พุทธคยาอีกครั้ง เราผ่านขั้นตอนการ ถอดรองเท้าฝากไว้และจ่ายตังค์ค่าเอากล้องเข้าไปภายในที่บริเวณด้านหน้า แล้วต่อแถวรอตรวจกระเป๋าก่อนเข้าไปยังบริเวณด้านในกันอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างรอเข้านั้นเราก็ซื้อดอกไม้ที่เด็กๆ ชาวพื้นเมืองพยายามมาขายเรา ราคามีตั้งแต่ 10 รูปี จนถึง 100 รูปี ขึ้นอยู่กับว่าใครจะต่อรองได้มากน้อยแค่ไหน
ที่ฝากรองเท้า และกล้องถ่ายรูปก่อนเข้าแถวรอเข้าประตูวิหาร
ระหว่างเข้าแถวรอเข้าเครื่องสแกนก่อนเข้าประตูวิหาร
ซุ้มสแกนของเขาเป็นแบบนี้ล่ะค่ะ ข้างในก็จะมีตำรวจหญิงคอยตรวจ (นี่แถวผู้หญิงค่ะ ยาวมาก)
รอเข้าไปภายในวิหารพุทธคยาค่ะ
ดอกไม้ที่ซื้อเตรียมเข้าไปบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภายในวิหาร
เมื่อเรามาถึงพระอาจารย์มัคคุเทศก์ก็ได้นำพาเราชมสถานที่ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสวยวิมุตติสุขตลอด 49 วัน มีทั้งสิ้น 7ที่ ที่ละ 7วัน เรียกว่า สัตตมหาสถาน ได้แก่
สัปดาห์ที่ 1 เสด็จประทับภายใต้ร่มไม้มหาโพธิ์ เสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน
สัปดาห์ที่ 2 เสด็จประทับ ณ อนิมิสเจดีย์ ทรงยืนจ้องพระเนตรดูต้นมหาโพธิ์ มิได้กะพริบพระเนตรตลอด 7 วัน
สัปดาห์ที่ 3 เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรมเจดีย์ ทรงนิมิตจงกรมขึ้น แล้วเสด็จจงกรมอยู่ที่นี้เป็นเวลา 7 วัน
สัปดาห์ที่ 4 เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย์ เสด็จไปทางทิศพายัพ แห่งต้นศรีมหาโพธิ์ ประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้วซึ่งเทวดานิรมิตถวาย ทรงพิจารณาพระอภิธรรมตลอด 7 วัน
สัปดาห์ที่ 5 เสด็จไปประทับใต้ร่มไม้ไทร โดยมีชื่อว่า อชปาลนิโครธ ซึ่งเป็นที่พักของคนเลี้ยงแกะ
สัปดาห์ที่ 6 เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิภายใต้ร่มไม้จิก โดยมีชื่อว่า มุจลินท์ ทางทิศอาคเนย์แห่งต้นมหาโพธิ์
สัปดาห์ที่ 7 เสด็จไปประทับภายใต้ร่มไม้เกดโดยมีชื่อว่า ราชายตนะ ประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน
ป้ายที่ระบุสถานที่ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยวิมตติสุขตลอด 49 วัน
บริเวณโดยรอบของพุทธคยาที่มีเสาอโศกซึ่งได้ถูกตัดบริเวณหัวเสาไปแล้ว
เจดีย์พุทธคยาที่กำลังบูรณะซ่อมแซม
บริเวณโดยรอบมหาวิหารพุทธคยามีสถูปเล็กๆ อยู่หลายแห่งสวยงามมากค่ะ
ภายในหอพระคัมภีร์ชาวธิเบตที่อยู่ในบริเวณรอบมหาวิหารพุทธคยา
ซึ่งสถานที่ทั้งหมดนั้นก็อยู่บริเวณโดยรอบของมหาเจดีย์นั่นเอง เราเดินชมสถานที่กันไปโดยรอบ ตรงไหนที่เป็นหนึ่งในเจ็ดที่นั้นก็จะมีป้าย เป็นเสาปูนบอกชื่อของสถานที่นั้นให้เราได้ทราบกัน ในระหว่างทางที่เราเดินกันไปนั้นเรามองเห็นเหล่านักบวชหลากหลายความเชื่อ เช่นแบบที่ดูเป็นโยคี หนวดยาว ผมยาว เป็นต้น มากราบนมัสการในวิธีที่แตกต่างกัน ที่เห็นมากหน่อยก็มีพระภิกษุชาวธิเบต พระอาจารย์เล่าว่าเขามีความตั้งใจว่าจะกราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้กี่ร้อยครั้ง เขาก็จะมาเตรียมสถานที่กราบให้ได้ตามนั้น เนื่องจากวิธีการกราบของชาวธิเบตต้องนอนไปกับพื้นเลย ท่านจึงต้องเตรียมพื้นที่มากหน่อยค่ะ
โยคีที่เหมือนหลุดมาจากยุคสองพันกว่าปีก่อน ยังคงมีให้เห็นอยู่มากในอินเดีย
นักบวชหลายนิกายมากราบนมัสการมหาเจดีย์พุทธคยา โดยเฉพาะชาวธิเบตที่ต้องเตรียมเบาะรองนอนมากันเลยทีเดียว
จากนั้นเราก็มาเวียนประทักษิณรอบมหาวิหารและต้นโพธิ์ตรัสรู้ธรรมกันอีกครั้ง แล้วคราวนี้เรามานั่งกันใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์กันเลย เรามาทำความรู้จักต้นพระศรีมาหาโพธิ์เหนือพระแทนวัชรอาสนพุทธบัลลังก์ ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้ากันสักนิด ต้นโพธิ์นี้เป็นสหชาติของพระพุทธองค์ เปรียบได้กับพุทธอุเทสิกเจดีย์อย่างหนึ่ง ในอดีตเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปต่างถิ่นเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ อุบาสก อุบาสิกา ต่างรู้สึกคิดถึงพระพุทธองค์ และอยากกราบนมัสการพระองค์ พระอานนท์จึงได้กราบทูลถามพระพุทธองค์ว่า สิ่งใดจักเป็นตัวแทนพระพุทธองค์ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงให้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นเครื่องแทนพระองค์ พระอานนท์จึงอาราธนาให้พระโมคคัลลานะนำหน่อโพธิ์ ณ ที่แห่งนี้มาปลูกยังวัดพระเชตวัน เมืองสาวัตถีนับแต่บัดนั้น เพื่อให้ชาวสาวัตถีได้กราบไหว้ และต้นโพธิ์ต้นนี้ได้ชื่อว่า “อานันทโพธิ์” ซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ต้นพระศรีมหาโพธิ์จึงเป็นตัวแทนแห่งพระพุทธองค์นับแต่บัดนั้น
บริเวณกำแพงรอบวิหารพุทธคยา ที่มีสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงาม
ต้นพระศรีมหาโพธ์ที่สำคัญ และสืบมาจนถึงปัจจุบันมี 3ต้นด้วยกันคือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา ต้นพระศรีมหาโพธิ์เมืองอนาธปุระ และต้นอานันทโพธิ์วัดพระเชตวันมหาวิหาร ซึ่งต้นโพธิ์ที่เมืออนาธปุระนั้นพระเจ้าอโศกแห่งเมืองอนุราธปุระ ได้นำหน่อพันธ์มาจากพุทธคยา ได้รับการเคารพนับถือ และปฏิบัติบูชาด้วยความเคารพอย่างสูงมาตลอดจนถึงปัจจุบันไม่ขาดช่วง มีการทำกำแพงทองคำและมีชาวพุทธผู้ศรัทธามาทำการสักการะตลอดเวลา ต่างจากต้นโพธิ์ที่พุทธคยา ที่ถูกทำลายหลายครั้ง และต้นอานันทโพธิ์ก็มีการเว้นช่วงการดูแลหลังจากที่พุทธศาสนาเสื่อมไปจากอินเดีไปบ้าง
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีกิ่งก้านสาขาแผ่ขยายใหญ่โตเป็นที่สักการะบูชา
เวลาคนอินเดียเขาบูชาต้นโพธิ์เขาก็ทำกันแบบนี้ล่ะค่ะ
เมื่อเรามากันค่อนข้างครบ จึงเริ่มสวดสรรเสริญพระรัตนตรัย และนั่งสมาธิ ในขณะที่ฉันนั่งสมาธิอยู่ ก็รู้สึกเหมือนมีผู้คนที่นุ่งห่มด้วยชุดขาวมาทำอะไรอยู่ด้านหน้า สักพักก็ได้ยินเสียงร้องเพลงของหญิงสาวเป็นภาษาที่เราไม่รู้จัก จึงได้ลืมตาขึ้นมา เห็นเป็นคนกลุ่มหนึ่งเตรียมดอกดาวเรืองสีเหลือสวยงามเป็นพวงยาวมากมาย มาประดับตกแต่งสถานที่แห่งนี้ ตกแต่งไปก็ร้องเพลงไปเพลงที่ร้องนั้นฟังแล้วรู้สึกสบายใจดีค่ะ คาดว่าน่าจะเป็นชาวศรีลังกา เพราะเขามีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามากๆ และดูจากหน้าตาแล้วคล้ายกับคนอินเดีย แตสีผิวไม่เข้มเท่ากับคนพื้นเมืองที่นี่ เมื่อการร้องเพลงและตกแต่งสถานที่ของเขาไม่ได้รบกวนอะไร ฉันจึงนั่งหลับตาต่อไปด้วยในสงบนิ่ง ชุ่มเย็น เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเสียงร้องเพลงนั้นสงบไปแล้ว แต่สถานที่แห่งนี้ราวกับถูกเนรมิตด้วยพวกดอกไม้สีเหลือ สวยงามเต็มไปทั่วบริเวณเลยจริงๆ ค่ะ
ชาวศรีลังกานำดอกดาวเรือง และกลีบกุหลาบมาประดับตกแต่งทั่วมหาวิหารพุทธคยาเลยค่ะ
เมื่อพวกเราประกอบพิธีสวดมนต์ นั่งสมาธิกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปนมัสการตามบริเวณต่างๆ ตามอัธยาศัย กลุ่มของฉันได้มายังบริเวณใต้ต้นโพธิ์มาปิดทองกับบริเวณรั่วที่ล้อมต้นโพธิ์ไว้ ในระหว่างนั้นก็มีนักบวชลัทธิอื่นๆ เดินมาให้ถ่ายรูปด้วยซะอย่างงั้น ดูเขาจะชอบถ่ายรูปค่ะ...อยู่บริเวณนี้บางทีก็จะมีคนท้องถิ่นเอาใบโพธิ์มาให้ แล้วให้เราให้เงินเขา ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร จึงไม่ได้ให้เขาไปค่ะ ดูท่าทางเขาก็จะเคืองๆอยู่บ้างที่เราไม่เข้าใจเขา เรามาหยุดถ่ายรูปกันตรงที่รัตนจงกรมเจดีย์ ซึ่งพระสัมมาสัมสัมพุทธเจ้าเดินจงกรมตลอด 7 วัน ซึ่งเป็นระยะทั้งสิ้น 19 ก้าว แต่ละก้าวเขาก็ทำสัญลักษณ์เป็นรูปวงกลมเอาไว้ค่ะ ซึ่งตอนนี้มีดอกไม้ประดับประดาสวยงามมาก แล้วฉันก็ได้ยินสิ่งที่ดิฉันคิดอยากจะทำพอดี “You can join us!” สาวศรีลังกาเอ่ยชวนฉัน ซึ่งคอยด่อมๆมองๆ เขาอยู่ใกล้ๆ เขาคงเห็นใจจึงเอ่ยชวนขึ้นมา ฉันเลยได้โอกาสไปเขาช่วยเรียงดอกไม้ด้วยเลย ปลื้มค่ะ...เมื่อถามเขาก็ได้ทราบว่าเขามาจากศรีลังกากันจริงๆ เขามาจาริกแสวงบุญ และตั้งใจจะมาประดับประดาด้วยดอกไม้เช่นนี้ในทุกๆ ที่ที่เขาไปนมัสการกัน เมื่อเสร็จแล้วจึงกล่าวอนุโมทนาบุญกับเขาไปว่า “Rejoice in your merits” ทั้งฉันและสาวชาวศรีลังกา ยิ้มให้กันรู้สึกจริงๆว่า “สันติภาพภายในที่เกิดจากใจที่ศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ไม่มีขอบเขตและดินแดนมาขวางกั้น เราทุกคนเหมือนกัน”
รวมตัวกันสวดมนต์นั่งสมาธิอย่างสงบค่ะ
จากนั้นเราจึงเขาไปนมัสการพระพุทธเมตตาภายในพระมหาโพธิวิหาร ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจแก่ชาวพุทธทั่วโลก แล้วเดินออกมาเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นรถ แล้วเดินทางต่อไป ในระหว่างที่เดินออกมานั้นก็มีบรรดาพ่อค้าทั้งหลายมารุ่มพวกเราอีกครั้ง กว่าจะไปถึงรถได้ ก็ซื้อของไปอีก 100 รูปี เป็นใบโพธิ์ที่เขาเอาเนื้อใบออกหมดเหลือแต่เยื่อใบโพธิ์ ได้มา 4 มัด แค่นี้ก็พอแล้วเป็นของฝากค่ะ
พระพุทธเมตตาที่ประดิษฐานอยู่ภายในมหาวิหารพุทธคยา
ในเวลาประมาณ 10 โมงนี้ เราจึงเดินทางกันต่อไปที่ใก้ลๆกัน คือ บ้านของนางสุชาดา ผู้ถวายข้าวมธุปายาสแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันที่ท่านตรัสรู้ธรรม สำหรับประวัติของนางนั้นคือ นางสุชาดาเป็นธิดาของเสนียกุฏมพี ในหมู่บ้านเสนานิคม แห่งตำบลอุริเวลา เหตุที่นางถวายข้าวมธุปายาสนั้น เนื่องจากนางได้บวงสรวงเทพยดาโดยได้ตั้งความปรารถนาไว้ 2 ข้อ คือ ขอให้ได้สามีที่มีบุญมีทรัพย์และชาติสกุลเสมอกัน และ ขอให้มีบุตรคนแรกเป็นชาย เมื่อได้ตามที่ปรารถนา จึงทำพลีกรรมบวงสรวงเทพยดาด้วยข้าวมธุปายาส
วิธีการทำข้าวมธุปายาสนั้นไม่ธรรมดาเลยค่ะซึ่งไม่น่าจะหาทานสูตรนี้ได้แล้วในปัจจุบัน คือ นางปล่อยให้แม่โคนม 500 ตัว ของนางไปกินหญ้าที่ป่าชะเอม และเลี้ยงด้วยน้ำนมของแม่โค 1,000 ตัว แล้วแม่โคนม 250 ตัว ดื่มน้ำนมโคของแม่วัว 500 ตัว ทำเช่นนี้จนกระทั่งแม่โค 8 ตัว ดื่มน้ำนมโคของแม่วัว 16 ตัว แล้วรีดนมวัดขอแม่โค 8 ตัวนั้น ตั้งแต่เช้าตรู่ที่ลูกวัดยังไม่ได้ดื่มนำจากแม่วัวเหล่านั้น สิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นคือ เพียงเอาภาชนะไปรองน้ำนมโคก็ไหลออกมาเอง ระหว่างที่นางหุงข้าวมธุปายาสด้วยตนเองนั้น เหล่าเทวดาก็มาลงอารักษ์ ทำให้นางเห็นความอัศจรรย์ของบุคคลที่นางกำลังจะบวงสรวง เช่น ฟองนมใหญ่ผุดขึ้นมาเวียนเป็นทักษิณาวัฏ และไม่กระเด็นออกด้านนอกเลย ควันไฟก็ไม่ตั้งขึ้นจากเตาไฟ จากนั้นนางจึงให้คนรับใช้ไปปัดกวาดเสนาสนะที่โคนไม้รอรับเทวดาที่นางจะทำผลีกรรม
สถูปที่สร้างขึ้นบนที่ดินซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นบ้านเดิมของนางสุชาดาค่ะ
ในลำดับนั้นพระบรมโพธิสัตว์ เห็นมหาสุบิน 5 ประการ เมื่อใครครวญดูจึงกระทำสันนิษฐานว่าพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยมิต้องสงสัย ในเวลาเช้าตรู่จึงมาประทับนั่งที่โคนไม้นั้น และเมื่อนางทาสีมาพบพระองค์เข้า เห็นผิวพรรณวรรณะของพระองค์ที่สว่างไสวประดุจทองคำ จึงคิดว่าพระองค์คือเทวดาที่จะมารับพลีกรรมเป็นแน่ จึงรีบกลับไปบอกนายหญิงของตน นางสุชาดาปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งรู้ว่าตนกำลังจะได้ถวายข้าวมธุปายาสแก่เทวดาที่มีศักดิ์ใหญ่ จึงนำถาดทองคำมาใส่โภชะของตน ข้าวทั้งหมดนั้นได้กลิ้งมาใส่ลงบนถาดทองนั้นเหมือนน้ำกลิ้งลงใบบัวได้หนึ่งถาดเต็มพอดี 49 ก้อน แล้วจึงนำถาดใบอื่นมาครอบแล้วห่อผ้านำไปถวายด้วนตนเองที่โคนต้นไทร เมื่อนางเห็นพระบรมโพธิสัตวก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง คิดว่าพระองค์เป็นรุกขเทวดา จึงปลงถาดจากศรีษะ เปิดผ้าคลุม นำคนโทน้ำทองคำ ตักน้ำที่อบด้วยดอกไม้หอมแล้วได้เดินเข้าไปหาพระโพธิสัตว์ นางสุชาดาจึงถวายข้าวมธุปายาสพร้อมทั้งถาดทองนั้นลงบนพระหัตถ์ของพระมหาบุรุษ แล้วกล่าวว่า “มโนรถของดิฉันสำเร็จแล้วฉันใด แม้มโนรถของท่านก็จงสำเร็จฉันนั้น” พระโพธิสัตว์เสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสวยข้าวมธุปายาส แล้วลอยถาดทองคำเสี่ยงทายว่าท่านจะได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ เมื่อปรากฎถาดทองคำลอยทวนน้ำไปดังคำอธิษฐานท่านจึงโสมนัสใจยิ่ง นั่งทำความเพียร ใกล้ม่น้ำเนรัญชรานั้นเอง
เมื่อไปถึงทีแรกเราก็คิดว่าจะได้เห็นเป็นสภาพบ้านที่อยู่อาศัยแต่สิ่งที่เราได้เห็นคือ เนินดินซึ่งปัจจุบันได้มีการสร้างเป็นสถูปเรียบร้อยแล้ว ที่ตรงบริเวณที่เราไปก็คือ ที่ดินเก่าของนางสุชาดา เมื่อไปถึงพระอาจารย์ก็เล่าประวัติต่างๆ ให้เราฟัง เราก็ไปนั่งสมาธิกันสักพักแล้วก็ถ่ายรูปกัน บริเวณด้านหน้านั้นก็มีเด็กๆ มาขอทาน และมีบรรดาพ่อค้าตามมาขายของอีก เราพบพ่อค้าคนเดิมที่ขายของอยู่ตรงมหาเจดีย์พุทธคยา อีกหลายรอบในบริเวณนี้ ต้องบอกว่าขอทานบริเวณนี้มีมากจริงๆ มีพี่ที่มาด้วยกันหลายคนนะคะที่ตั้งใจซื้อขนมให้พวกเขาทานกัน เพราะเขาดูน่าสงสารจับใจ
เด็กๆ ที่มารอขอเงินบรรดานักท่องเที่ยว เข้าแถวกันเป็นระเบียบเลย...กลัวไม่ได้ตังค์ค่ะ
เรากลับไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่วัดไทยพุทธสาวิกา เพื่อเตรียมออกมาชมวัดนานาชาติบริเวณวัดรอบๆ มหาเจดีย์พุทธคยา เช่น วัดญี่ปุ่น ซึ่งมีพระพุทธรูปหินทรายศิลปะญี่ปุ่นแบบมหายานที่องค์ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ภายในวัดมีพื้นที่ไม่มาก รอบวัดมีพระพุทธรูปอัครสาวกอยู่หลายสิบองค์ แต่ละองค์ก็มีป้ายชื่อบอกว่าเป็นท่านใดบ้าง เรียกว่าเป็นศิลปะการสร้างพระพุทธรูปด้วยหินทรายที่มีเอกลักษณ์ เพราะเป็นเหมือนการแกะสลักหนิอย่างเรียบง่าย แต่ดูสงบเรียบร้อย
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่แกะสลักด้วยหิน สวยสง่างามมาก
รูปปั้นอัครสาวกโดยรอบวัด เป็นสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของวัดญี่ปุ่นค่ะ
จากนั้นเราไปชม และกราบพระที่วัดภูฏาน ซึ่งวัดนี้ได้ปัจจัยจากรัฐบาลสนับสนุนการสร้างด้วย ภายในภาพฝาผนังของเขาเป็นเอกลักษณ์มากเพราะเป็นแบบ สามมิติ คือ มีความตื้นลึก ไม่ใช่เป็นภาพแบนๆ เหมือนวัดในประเทศไทย แล้วมีการใช้สีสันที่สดใสสะดุดตา สวยงามมากเช่นเดียวกัน พระประธานของเขาก็สวมชุดที่เป็นแนวของชาวภูฏาน เห็นแล้วก็สวยไปอีกแบบค่ะ
ภาพวาดฝาผนังที่เป็นแบบสามมิติดูแปลกตา
พอเริ่มเย็นเขาก็ปล่อยให้เราเดิน shopping ในบริเวณรอบๆ มหาเจดีย์พุทธคยา เราเข้าร้านซื้อของที่ระลึกตรงข้ามกับมหาเจดีย์พุทธคยา เพราะเป็นแหล่งขายส่งสินค้า Brand Name ที่ใครๆ มาก็ต้องซื้อยี่ห้อนี้คือ Himalaya ซึ่งขายดีมาก และใช้ดีด้วยค่ะ เน้นเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะ Lip Balm ใช้แล้วติดใจจริงๆ ค่ะ นอกจากนี้ก็ซื้อพวกพวงกุญแจ กำไลข้อมือสวยๆ ต่างหู ราคาไม่แพงเต็มไปหมดค่ะ กว่าจะซื้อของกันเสร็จก็ 5 โมงกว่าแล้ว เรากลับไปยังที่พัก
ร้านขายของคึกคักมากๆ ภายในร้านแถวนี้มีตรอกเล็กๆ เข้าไปมีร้านข้างในอีกเพียบค่ะ
Maha Bodhi Society of India ที่อยู่บริเวณมหาเจดีย์พุทธคยา
ไอศครีมที่ประเทศนี้เขาขายกับเป็นโอ่งเล็กๆ ด้วยค่ะ
และก็มีขอทานอยู่บริเวณนี้นั่งขอทานอยู่เต็มไปหมดเลย บางคนก็พิการน่าสงสารจังเลยค่ะ
แล้วเตรียมปัจจัยมาทำบุญทอดผ้าป่าของวัดไทยพุทธสาวิกาที่เราได้อาศัยมา 3 วัน ในค่ำวันนี้ ซึ่งปัจจัยแม่ชีแก้วจะนำไปใช้สร้างที่พักสงฆ์ต่อไปค่ะ เสร็จสิ้นการทอดผ้าป่าเราเราก็กลับไปจัดเก็บข้าวของเตรียมเดินทางออกจากเมืองคยาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืดกันเลยค่ะ แล้วเราต้องเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการเดินทางไกลข้ามเมืองครั้งแรก ที่คำนวณแล้วว่าคงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 ชม.ในการนั่งรถแน่นอน วันนี้จึงต้องรีบจัดการหลายอย่างพักผ่อนให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ค่ะ...เอาบุญฝากเช่นเคยนะคะ
Tag :
India
Buddha
พุทธคยา
พระศรีมหาโพธิ์
ฺBuddhakaya
BodhiTree
Suchada
enlightenment
0
Share this story
Facebook
Twitter
Google Plus
Email to friend
Write a comment
Bookmark story
Rate
To (Email)
From
Message
 
Comments to this story
Write a comment
Name
*
Mail
*
Message
*
Most Viewed
Top Rate
Most Comment
1.
views
readmore
ALL Most Viewed
1.
readmore
ALL TOP Rated
1.
comments
readmore
ALL Most Comment
Relate Story
Recent Entries
Most Shared
1.
Once upon a time in India (ตอนที่ 1)
2,708 views
readmore
All Relate Story
2.
Once upon a time in India (ตอนที่ 2)
2,358 views
3.
Once upon a time in India (ตอนที่ 3)
2,819 views
4.
Once upon a time in India (ตอนที่ 4)
3,431 views
5.
Once upon a time in India (ตอนที่ 5)
1,803 views
6.
ฝึกภาษากับวันมาฆบูชา
3,628 views
7.
วันมาฆบูชา วันแห่งความรักในพระพุทธศาสนา
4,241 views
8.
Once upon a time in India (ตอนที่ 6)
2,733 views
9.
Once upon a time in India (ตอนที่ 7)
2,103 views
10.
Once upon a time in India (ตอนที่ 8)
2,167 views
11.
Once upon a time in India (ตอนที่ 9)
1,987 views
12.
Once upon a time in India (ตอนที่ 10)
2,237 views
13.
กฎแห่งจักรวาล (ตอนที่ 1)
6,621 views
1.
เยือนอินเดีย..สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งดินแดนภาราตะ
7,011 views
readmore
All Recent Entries
2.
5 ของฝากแสนอร่อยจากเมืองตรัง
16,492 views
3.
สามเสาหลักพระพุทธศาสนาในไต้หวัน
6,835 views
4.
Complimentary Closing
20,449 views
5.
5 ที่พักชะอำ น่าพัก น่าถ่ายรูปอัพลงไอจี
2,876 views
1.
เยือนอินเดีย..สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งดินแดนภาราตะ
39 shares
readmore
ALL Most Shared
2.
สมาธิเป็นเรื่องสากล
3 shares
3.
เที่ยวสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน ไปเองได้ไม่ง้อทัวร์
2 shares
4.
แช่โค้กภายใน 2 นาที
2 shares
5.
อาหารแก้หวัด
2 shares
Comments to this story