มาทำความคุ้นเคยกับสมาธิกันเถอะ
สมาธิ เป็นเรื่องที่เราควรฝึกให้ได้ทุกวัน ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ให้ได้ตลอดเวลา โดยมีเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เราฝึกสมาธิของเราได้อย่างต่อเนื่องคือ “สติ” นั่นเอง
สมาธินั้นเราสามารถฝึกได้หลายอิริยาบท ในระหว่างวันเราสามารถจะฝึกสมาธิ พร้อมกับอิริยาบท เดิน นั่ง ยืน หรือ แม้แต่พูดคุยสนทนากับคนรอบข้าง และเมื่อเรากลับมาที่บ้าน เราสามารถนั่งหลับตาทำสมาธิได้อย่างเต็มที่ก่อนที่เราจะนอนหลับเพื่อเป็นการเคลียร์ใจของเราก่อนที่เราจะเข้านอน และเมื่อตื่นเช้าก็นั่งหลับตาทำสมาธิ เพื่อเข้าถึงแหล่งพลังบริสุทธิ์ภายในเพื่อพร้อมรับวันใหม่ ด้วยความสดใสมีพลัง และก็ทำสมาธิ ประคองสติของเราให้รับรู้สิ่งต่างๆ ที่เข้ามาอย่างมีสติให้ได้ตลอดทั้งวัน เท่าที่เราจะมีสติ ระลึกรู้ การกระทำของเราได้
เคยไหมคะ? ที่เรามักจะทำอะไรลงไปโดยที่เราไม่ได้จดจ่อ หรือ มีสติในการกระทำของเรา ทำให้เราไม่แน่ใจว่าเราได้ทำสิ่งนั้น หรือสิ่งนี้แล้วหรือยัง บางครั้งก็อาจจะมีอาการลืมบ่อยๆ นี่เป็นสิ่งที่เตือนว่าเราอาจจะขาดสติในขณะนั้นๆค่ะ ดังนั้นเราจึงควรฝึกทำความคุ้นเคยกับสมาธิให้ได้ตลอดทั้งวันนะคะ วันนี้มีวิธีการทำความคุ้นเคยกับสมาธิ หรือ ทำใจเราให้มีอารมณ์พร้อมสำหรับการฝึกสมาธิมาฝากค่ะ
การเริ่มทำความคุ้นเคยกับองค์ประกอบของสมาธินั้นไม่ยาก เพราะคือการโน้มอารมณ์เข้าหาความสบาย ความงดงาม เป็นต้นว่าเข้าใกล้ธรรมชาติ เข้าใกล้ความงาม และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับความงามตามธรรมชาตินั้นอย่างมีสติ วิธีการเข้าใกล้ธรรมชาติสามารถทำได้หลายวิธี คือ ออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการชื่นชมธรรมชาติจริงๆ และฝึกสมาธิในระหว่างที่ชื่นชมธรรมชาตินั้น หรือ หากอยู่ที่บ้านก็ให้ลองใสใจกับต้นไม้ภายในบ้าน ด้วยการรดน้ำเดินเล่นหรือลงมือปลูกด้วยตัวเอง หมั่นออกมาจากอาคารเพื่อสัมผัสกับแสงแดดอ่อนยามเช้า หรือ รับลม และออกมาชื่นชมกับแสงเดือน หมู่ดาวในเวลากลางคืน แล้วน้อมนำใจเราให้อยู่กับเนื้อกับตัว จดจำอารมณ์สบายที่ได้สัมผัสธรรมชาติมาใช้เมื่อนั่งสมาธิ
การเข้าใกล้ความงามของศิลปะด้วยการฟังเพลงบรรเลงนุ่มๆอยู่เสมอ ด้วยการวาดภาพ วาดลวดลายเส้นด้วยดินสอก็ได้ สีไม้ สีน้ำ สีน้ำมัน หรือ สีอะครีริค ก็ได้ แล้วแต่ความถนัด ในระหว่างที่ฟังเพลง หรือ วาดภาพ ก็ให้นึกทำใจให้เป็นสมาธิ เอาใจไว้กับตัวเรา ไม่ปล่อยให้ลองลอยไปไหนต่อไหน หากพบว่าใจกำลังฟุ้งซ่าน ก็ให้ดึงใจกลับมาอยู่กับตัวเรา
การอ่านบทกวีไพเราะ ของกวีเอกของโลก อาทิ กาลิทาส รพินทรนาถ ฐากูร หรือคาอิล ยิบราล หรือแม้แต่การอ่านหนังสือธรรมะ ก็ช่วยให้เรามีสติอยู่กับสิ่งที่ดีงามได้เช่นกัน ฝึกทำใจเราให้รวมเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมอย่างมีสติและสบาย ปล่อยให้ใจเรามีความสงบ เพราะใจที่สบายคือ คุณสมบัติของใจที่มีคุณภาพ เหมาะสำหรับการฝึกสมาธิให้ก้าวหน้าค่ะ
นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยอื่นๆ เช่น เพลงบรรเลงเพราะๆ เบาๆ หรือ เพลงที่มีเสียงธรรมชาติ เช่น พวก Green Music เปิดฟังแล้วมีเสียงน้ำ เสียงนก เสียงเปียนโนเบาๆ เป็นต้น แม้แต่พวกน้ำมันหอมระเหย ซึ่งทำจากน้ำมันหอมธรรมชาติ Aromatic Oil ใช้หยดในนำ Burner ให้กลิ่นหอมระเหยช่วยให้เกิดความสบายทางสรีระ เช่น กลิ่นมิ้นท์ จะช่วยให้รู้สึกโล่งสบาย กลิ่นลาเวนเตอร์จะช่วยให้กระปรี้กระเปร่า เป็นต้น
นอกจากนี้เสื้อผ้าที่เราสวมใสเมื่อจะนั่งสมาธิควรจะ หลวมๆ สบายๆ เพื่อให้เราผ่อนคลายได้ง่ายขึ้น วิธีการคือ เปิดเพลงเบาๆ สูดกลิ่นระเหยอ่อนๆ พร้อมออกกำลังกายช้าๆ ปล่อยอารมณ์ให้สอดคล้องไปกลับเสียงเพลง ให้ปล่อยความรู้สึกไปกับเสียงเพลงพลางนึกถึงความเป็นศูนย์กลางกายของสรรพสิ่ง หรือนึกว่าร่างกายนี้โปร่งใส แล้วประคองใจให้สบายๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เท่าที่จะทำได้ หากมีความฟุ้งเข้ามา เมื่อได้สติก็ให้ลืมตา แล้วเริ่มวางใจใหม่เช่นนี้ ก็คือว่ามีผลการฝึกสมาธิที่ดีเยี่ยมแล้วค่ะ
หรือ บางท่านอาจจะปลี่ยนจากการฟังเพลงเป็นนั่งลงสวดมนต์เบาๆ ท่ามกลางกลิ่นหอม และธรรมชาติ หลังจากที่ชำระร่างกาย แต่งกายด้วยชุดที่เหมาะสมแล้ว ก็เลือกที่นั่งที่เหมาะสมในท่าขัดสมาธิ จัดท่าทางของเราให้สบายที่สุด หรือ หากใครมีปัญหาในการนั่งขัดสมาธิ ก็ให้นั่งบนเก่าอี้สบายๆก็ได้ แล้วปล่อยความรู้สึกให้เบาสบายโดยให้สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรา ทำหน้าที่กล่อมเกลาใจของเราให้ผ่อนคลายสงบ โดยมีสติระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างสบายๆ นุ่มนวล ประคองใจให้มีอารมณ์อย่างนี้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เทคนิคการฝึกให้สบายได้อย่างมีสติ คือ ให้นึกเสมอว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งให้ลองนึกถึงจุดกลางแค่พอนึกได้แล้วนึกบ่อยๆเท่าที่จะทำได้บนความสบายนุ่มนวล แล้วปล่อยอารมณ์ให้ทอดสบายสอดคล้องไปกับสิ่งที่เลือก เช่น ถ้าเลือกธรรมชาติ ก็ให้นึกว่าตัวเอง เขาไปอยู่ท่ามกลางบรรยายกาศเช่นนั้น
เทคนิคและวิธีการต่างๆ ข้างต้นนี้เป็นวิธีที่จะทำให้ใจของเรานุ่มนวล เหมาะแก่การทำสมาธิให้มีผลการปฏิบัติธรรมได้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป โดยนอกจากจะฝึกในขณะที่เรานั่งลงทำสมาธิแล้ว ในระหว่างวันเราก็สามารถฝึกสติระลึกรู้ให้เท่าทันกับการกระทำของเราได้เช่นเดียวกัน โดยกำหนดใจเอาไว้ภายในอย่างสบาย และ มีสติรู้ตัวในทุกขณะให้ได้ตลอดทั้งวัน ถ้าทำเช่นนี้ได้บ่อยๆ ในไม่ช้าเราก็จะรู้สึกคุ้ยเคยกับสมาธิมากขึ้นเป็นลำดับ เราจะมีสติรู้ตัวเมื่อใจเราเผลอ แล้วดึงใจกลับมาโดยอัตโนมัติโดยที่เราอาจจะไม่ทันสังเกตุตัวเองด้วยซ้ำ หากเราฝึกสติระหว่างวันเช่นนี้บ่อยๆ เมื่อกลับมานั่งสมาธิที่บ้าน ใจเราจะสงบได้รวดเร็ว เรื่องฟุ้งต่างๆ จะน้อยลง มีผลการฝึกสมาธิก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งในตอนแรกอาจจะต้องอาศัยเทคนิคเข้าช่วยแต่ต่อไปใจจะเริ่มคุ้นกับความสงบที่นุ่มนวลนี้จนกลายเป็นนิสัยไปในที่สุด และบุคคลแรกที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุด ก็คือตัวของเราเองค่ะ ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจฝึกตัวเราให้คุ้นกับสมาธิไปเรื่อยๆ นะคะ แล้วคุณจะได้สัมผัสกับความสุขที่แท้จริงที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลกใบนี้ค่ะ
Tag :
Meditation
peaceful
happiness
สมาธิ
สงบ
มีความสุข
ธรรมชาติ
สุนทรียภาพ
Comments to this story