ความรู้เรื่อง “การรักษาหลุมสิว”
ได้มีโอกาสค้นคว้าเรื่องการักษาหลุมสิว เห็นว่ามีประโยชน์ค่ะ เลยนำมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านเป็นความรู้เอาไว้ไม่เสียหลายค่ะ ถ้าเรามีปัญหาหลุมสิว มีกี่วิธีบ้างที่เราจะเลือกไปรักษาได้ แล้วแต่ละวิธีมีความแตกต่างกันอย่างไร ลองมาดูกันค่ะ
สิวจริงๆ แล้วมีหลากหลายประเภทมากๆ แต่ที่เราพอจะแยกกันให้เห็นง่ายๆ คือ สิวอักเสบ และสิวไม่อักเสบ (เช่น พวกสิวอุดตัน สิวผด ฯลฯ) ซึ่งสิวที่มักจะทำให้เกิดหลุมสิว ได้แก่ สิวอักเสบ เนื่องจากหลุมสิวจัดเป็นแผลเป็นประเภทหนึ่ง โดยมีลักษณะคือ มีการยุบตัวของผิว เกิดการลดลงของคอลลาเจน และเกิดผังผืดขึ้นใต้รอยแผลเป็น
การรักษาหลุมสิวมีมากมายหลายชนิด เช่น คือการรักษาโดยการใช้ยา หมายรวมทั้งยาทาและยากิน ซึ่งได้ผลน้อย จึงไม่ค่อยนิยม วิธีที่นิยมกันคือ การรักษาโดยใช้เครื่องมือต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มเลเซอร์ที่ใช้กันอยู่มากในปัจจุบัน ซึ่งจะอธิบายกันในรายละเอียดดังนี้
1. ยาทา
ยาทาเพื่อการรักษาหลุมสิว อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าแทบไม่ได้ผล เพราะหลุมสิวนั้นเป็นอาการที่เนื้อเรายุบลงไป เพราะผังผืดใต้รอยแผลเป็น ไม่มียาอะไรรักษาได้ค่ะ ส่วนใหญ่จะให้ยาที่สร้างคอลลาเจนให้ผิวเรียบตึงกลับมาใหม่พวก วิตามินซี และ pentapeptide แต่ไม่ได้ผลหรอกค่ะ ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป
2. ยากิน
ยากินเพื่อการรักษาหลุมสิว ก็ไม่ค่อยได้ผลหรอกค่ะ ก็เป็นพวกวิตามินซีอยู่ดี บางทีแพทย์จะสั่งให้ทานคู่ไปในระหว่างช่วงทำเลเซอร์ เนื่องจากวิตามินซีมีหลักฐานการวิจัยที่ชัดเจนมากในเรื่องประสิทธิภาพของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปริมาณที่แนะนำต่อวันคือไม่เกิน 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน วิตามินซีเสื่อมสลายได้ง่ายเมื่อเจอแสงสว่างหรือความร้อน จึงควรเก็บให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้
การทาน Collagen ที่มีหลากหลายยี่ห้อ และนิยมกันเป็นอย่างมากก็มีส่วนช่วยได้ แต่ก็น้อยค่ะ เพราะการดูดซึมด้วยการกินทำให้ประโยชน์ที่นำไปใช้ได้ไม่มากนัก มีเพียงบางตัวเท่านั้นที่เป็นอณูที่เล็กจริงๆ ดูดซึมง่าย ราคาจะสูงหน่อย ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็ไม่ได้มาเปิดเผยอยู่ดีว่าของเขาเป็นแบบดูดซึมง่ายรึเปล่า เราก็จะสับสนและทานไปแบบงงๆ อยู่ดี และคอยมาเดาว่า “อืม...มันคงได้ผล” ทำให้การจะเลือกหายี่ห้อที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงเป็นไปอย่างยากเย็น แต่ที่แน่ๆ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่า แอลกอฮอล์ ฤทธิ์ยับยั้งการสร้างคอลลาเจน ดังนั้นเพื่อนสาวที่รักการเข้าสังคม และรักความงามด้วย ลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เถอะค่ะ
3. แต้มรอยด้วยกรดผลไม้และกรอหน้าด้วยเกร็ดอัญมณี
อันนี้เคยถามผู้ที่มีประสบการณ์ไปทำมาเป็นปี ต่อเนื่อง แล้วสรุปว่า ก็ไม่ค่อยได้ผลค่ะ อาจจะช่วยในเรื่องของการผลัดผิว แต่ไม่สามารถช่วยหลุมสิวได้ค่ะ เพราะหลุมสิวเป็นเรื่องใต้ชั้นผิวลงไป การกรอผิว หรือ ลอกผิว จึงไม่สามารถช่วยได้
4. Dermaroller
Dermaroller คือการนำลูกกลิ้งขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยเข็มขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร กลิ้งไปทั่วใบหน้าให้เกิดแผลขนาดเล็กบนชั้นผิว กระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนเพื่อรักษาแผล คือ คอลลาเจน จะทำหน้าที่เป็น “ฮีโร” รักษาผิวของเราค่ะ ดังนั้นเมื่อผิวเรามีแผลคอลลาเจนจึงเกิดการกระตือรือล้นสร้างขึ้นมาค่ะ ข้อดี ของDermaroller เป็นการรักษาหลุมสิวที่ไม่ใช้ความร้อนในการรักษา ทำให้อาการข้างเคียงที่จากแสงแดด เช่น ดำ ฝ้า เกิดได้น้อยกว่าการทำเลเซอร์ ข้อเสีย Dermaroller เป็นการรักษาหลุมสิวที่เจ็บมาก แผลหลังทำก็น่ากลัวมากเพราะหน้าจะเต็มไปด้วยรอยเข็มมากมาย แถมยังเสี่ยงต่อการติดเชื้ออีกด้วย และที่สำคัญราคาไม่ถูกเลยค่ะ ตกครั้งละประมาร 3,000 บ. รวมทั้งคอร์สก็ เป็นหมื่นแน่นอน
5. Subcision
Subcision คือการนำเข็มขนาดเล็กเลาะไปใต้หลุมสิวเพื่อตัดผังผืด ข้อดี คือ Subcision ไม่ใช้ความร้อนในการรักษา ทำให้อาการข้างเคียงที่จากแสงแดดน้อย ข้อเสีย คือ แทบจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าไม่ทำเลเซอร์ร่วมด้วย ราคาก็ไม่ถูกนักประมาณ 2,000 บ. ต่อครั้ง
6. Fractional CO2 Laser
Fractional CO2 Laser เป็นเลเซอร์ที่รุนแรงมาก ทำให้มีประสิทธิภาพดีในการรักษาหลุมสิว สามารถทำลายพังผืดในแนวดิ่งได้ ซึ่งการ Subcision ทำไม่ได้ ในปัจจุบันจึงแนะนำให้ใช้เลเซอร์นี้เฉพาะจุดที่มีผังผืด แต่ไม่ใช้ทั่วใบหน้า ข้อเสียคือ มีความรุนแรงมากทำให้เกิดอาการข้างเคียงคือ เป็นสะเก็ดเล็กๆ อยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ ราคาประมาณ 2,500 บ. ต่อครั้ง
7. Fine Scan Laser
Fine Scan Laser เป็นเลเซอร์ตัวเลียนแบบของ Fraxel Laser ข้อดี คือ Fine Scan Laser จัดได้ว่าเป็นเลเซอร์คุณภาพดีที่มีราคาถูก อาการข้างเคียงไม่รุนแรงเท่าเลเซอร์ตัวเก่าๆ ได้ผลดี แต่ราคาค่อนข้างแพงครั้งละ 5,000 บ. ต่อครั้ง
8. Fraxel Laser
Fraxel Laser เป็นเลเซอร์ต้นแบบของ Fine Scan ได้ผลดี และเห็นผลชัดเจน แต่ราคาแพงมาก ครั้งละประมาณ 10,000 บ. ต่อครั้ง ถ้าเห็นราคาต่ำกว่านี้ แสดงว่าอาจจะไม่ใช่ Fraxel Laser จริงๆ ค่ะ
10. E-matrix
E-matrix เป็นการรักษาที่ไม่ใช้คลื่นแสง แต่ใช้คลื่นเสียง ทำให้มีประโยชน์ในด้านการยกกระชับใบหน้า เป็นการรักษาที่ได้ผลมาก อาการข้างเคียงก็น้อยสุด ไม่ต้องเจ็บตัว แต่ราคาสูงมาก ประมาณ 20,000 บ.ต่อครั้ง
เพราะไม่มีการรักษาไหนครอบคลุมที่สุด บางคนแนะนำว่าการรักษาแบบผสมผสานน่าจะดีที่สุด โดยสูตรที่ผมแนะนำ คือ E-matrix (กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน) + Subcision (ตัดผังผืดในแนวราบ) + Fractional CO2 (ตัดผังผืดในแนวดิ่ง)
ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้การรักษาหลุมสิวได้ผลมากขึ้น ก็ประมวลได้ว่า หลังทำเลเซอร์แนะนำให้กินวิตามินซีวันละ 2,000 มิลลิกรัม และอาหารผิวอย่าง เนื่องจากผิวเราเต็มไปด้วยรอยแผลเล็กๆมากมาย ทานอะไรไปจะดูดซึมดีมาก โดยเฉพาะกลุ่ม whitening ป้องกันอาการหน้าดำหรือฝ้ากระหลังทำเลเซอร์ นอกจากนี้คคุณหมอก็สำคัญ ว่าเชี่ยวชาญแค่ไหน เพราะจะเป็นผู้ปรับความแรง จำนวนครั้ง และความเชี่ยวชาญในการยิงก็สำคัญ
ส่วนตัวแล้วคิดว่าป้องกันไว้ดีที่สุดค่ะ ด้วยการไม่ไปแกะ บีบ หรือ ทำให้สิวอักเสบเพิ่มมากขึ้น แต่ควรไปปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เริ่มๆ เป็น ไปฉีดสิวอักเสบให้ยุบไปก็ยังได้ เพราะยิ่งอักเสบมาก แผลที่หลงเหลือไว้ก็มากไปด้วย แล้วสุดท้ายก็ต้องมานั่งรักษาหลุมสิวที่ทั้งหายยาก และราคาแพงอีกด้วยค่ะ
ขอบคุณภาพจากเว๊บไซต์ : http://imabeautygeek.com/2013/03/27/dear-teens-adults-too-12-rules-for-healthy-skin-a-healthy-skin-smoothie/#axzz33ArMWsMq
Tag :
สิว
acne
pore
comedone
โคมิโดน
หลุมสิว
scar
Comments to this story