Follow Us

Story We Share

STORY BY NUCHANART (Master)

ฮอกไกโด...สวรรค์สีขาว ตอนที่ 2

Print April 10, 20132,846 views , 0 comments

          วันที่ 2 หลังอาหารเช้า เรามีโปรแกรมไปเที่ยวเมืองโอตารุ ซึ่งเป็นเมืองท่าโบราณที่สำคัญทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ชมความสวยงามและโรแมนติกของเมืองสไตล์ยุโรปท่ามกลางหิมะโปรยปราย ภาพคลองโอตารุและโกดังเก่าริมน้ำยังคงติดตายามดูสารคดีท่องเที่ยวฮอกไกโด วันนี้ได้มาเห็นของจริงแล้ว แต่น่าเสียดายที่หิมะตกหนักมาก ทำให้เราไม่สามรถเดินเล่นชมวิวริมคลองได้ ทำได้แค่ถ่ายรูปแล้วรีบกลับขึ้นรถเพื่อไปพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีและโรงงานเป่าแก้วต่อ
 
 
 
 
          ก่อนกลับเข้าเมืองซัปโปโร ซึ่งเป็นฐานที่มั่นอีก 3 คืน เราแวะเข้าโรงงานช็อกโกแลตอิชิยะ หรือโรงงานช็อกโกแลตแห่งความรัก ซึ่งน่ารักมากๆตกแต่งเหมือนเมืองตุ๊กตา เจ้าของน่าจะเป็นนักสะสมของเก่า โดยเฉพาะตุ๊กตาและของเล่น เรานั่งพักกินเค้กน่าตาสีสันสวยงามพร้อมกับชมวิวเมือง และหอนาฬิกาที่พอครบชั่วโมงตัวตุ๊กตาจะออกมาเดินพาเรดพร้อมกับเสียงเพลง มีความสุขจัง ^^
 
 
 
 

          ก่อนมีนัดกับอาหารเย็นมื้อสำคัญ ไกด์พาเราไปชมพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร ซึ่งเมื่อก่อนเป็นโรงงานน้ำตาล เป็นอาคารก่อด้วยอิฐสีแดงที่สร้างมาเกือบร้อยปีแล้ว เป็นที่น่าสังเกตว่าเมืองไทยไม่นิยมเบียร์ซัปโปโรกัน  เห็นนิยมนำเข้าแต่ยี่ห้ออาซาฮี
 

 
          และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่เรารอคอย...นั่นก็คือ...บุฟเฟ่ท์ขาปูยักษ์ ซึ่งมีปูให้เลือกได้ตามใจชอบ 3 ชนิด ได้แก่ ปูทาราบะ ปูซูไว และปูขน แต่ดูแล้วปูขนจะได้รับความนิยมน้อยสุด แต่ละขานี่บิ๊กเบิ้มกันทั้งนั้น เติมได้ไม่อั้น พวกเรากินขาปูกันจนเกือบลืมหม้อไฟทะเลที่อยู่ตรงหน้า ขอโทษนะจ๊ะ น้องกุ้ง น้องหอย น้องปลา ที่มื้อนี้พี่สนแต่น้องปู กินปูที่นี่ลืมปูไทยไปได้เลย


 
         คืนนี้เราเข้าโรงแรมกันช้าหน่อย งานนี้ต้องโทษน้องปูเลย   3 คืนที่เหลือเราพักที่ Sapporo Park Hotel  วิวจากหน้าต่างห้องพักสวยมากๆ เป็นสวนสาธารณะ Nakajima  ถึงแม้จะเห็นแต่หิมะ แต่ก็สวยสุดๆ กลางสวนมีสระน้ำที่บัดนี้กลายเป็นลานหิมะขาวโพลนไปเสียแล้ว มองไปไกลๆเห็นเมืองและภูเขาเป็นฉากหลัง ที่สำคัญสถานีรถไฟใต้ดินNakajima Koenอยู่ติดกับโรงแรมเลย สะดวกสำหรับการไปช็อปปิ้งในวัน Free Day วันสุดท้ายก่อนกลับบ้านมากๆ ซึ่งการไปย่านช็อปปิ้งสามารถเดินไปได้ หรือถ้านั่งรถไฟใต้ดินก็แค่ 2-3 ป้ายเท่านั้น คนละ 200 เยน


 
          เช้านี้ตื่นสายได้เพราะเรามีโปรแกรมเที่ยวแต่ในเมืองซึ่งเดินทางไม่ไกลกันนัก ที่เที่ยวในวันนี้ก็มีตลาดปลายามเช้า แต่สงสัยจะไปเช้าเกิน ร้านค้ายังเปิดกันหรอมแหรม( แต่ 9 โมง ก็ไม่เช้าเท่าไรนะ) เดินชี้ชวนชม”ปูนั่นเล็กกว่าที่เรากินเมื่อวานเนอะ” วนไปมาจนพ่อค้าแม่ค้าแอบค้อน ได้เวลานัดไปชมอาคารที่ทำการรัฐบาลเก่ากันต่อ

 
 
          อาคารที่ทำการรัฐบาลเก่าสร้างขึ้นในปี 1888 ต่อมาถูกไฟไหม้แล้วสร้างขึ้นใหม่ในปี 1911 ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่เก็บรักษาวัตถุและของขวัญที่ได้รับจากประเทศต่างๆ

       สวนสาธารณะโอโดริ สวนสาธารณะที่ทอดยาวตามถนนใจกลางเมือง จากด้านตะวันออกจรดฝั่งตะวันตก เป็นสวนที่มีการจัดงานเทศกาลแกะสลักหิมะซัปโปโรทุกปี ราวต้นเดือน ก.พ. และคนไทยก็ไปชนะเลิศการประกวดการแกะสลักน้ำแข็งมา 3 ปีซ้อน ปีนี้ทีมไทยแกะสลักเป็นรูปช้างวาดรูปในหลวงซึ่งก็ชนะเลิศอีกเช่นเคย แถมยังได้รับเกียรติให้แกะสลักอุโบสถวัดเบญจมบพิตรฯเป็น Landmark อันยิ่งใหญ่ตระการตาหลังเวทีการแสดงด้วย ไม่น่าเชื่อว่าคนเมืองร้อนอย่างบ้านเราจะทำอะไรอย่างนี้ได้ แถมทำได้ดีเสียด้วย
 
         หลังอาหารเที่ยงเราไปศาลเจ้าซัปโปโร ซึ่งเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็นศาลเจ้าฮอกไกโด เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวฮอกไกโด ค้นหาเหรียญรู 5 เยนโยนลงกล่องแล้วไหว้พระตามวิธีที่ไกด์สอน ไกด์บอกว่าเหรียญ 5 เยนคนญี่ปุ่นมักนำไปไหว้พระ เชื่อว่าจะนำพาความโชคดีมาให้ หิมะยังตกไม่ขาดสาย เหมือนฝนตกแต่เปลี่ยนฝนเป็นหิมะ เข้าปากเข้าจมูก แวะเช่าเครื่องรางบูชารูป Hello Kitty ที่น้องฝากซื้อ แพงนะ 500-800 เยนแน่ะ ไม่รู้วัดปลุกเสกรึยัง  แต่ละแบบมีความหมายต่างๆกันไป บางอันก็โชคดี บางอันเรื่องการเรียน ความรัก โชคลาภ ฯลฯ

 

      ไกด์พาเราไปทิ้งไว้ที่เอาท์เล็ท ช็อปกันกระเจิง ไม่ให้เสียชื่อคนไทย ก่อนจะพาไปตรอกราเมง ตรอกเล็กๆที่รวบรวมร้านราเมงชื่อดังของฮอกไกโดเอาไว้สิบร้าน ตรอกนิดเดียว ร้านก็เล็กมาก แต่คนแน่นทุกร้าน  แต่ละร้านมีเก้าอี้ให้นั่งไม่เกินสิบตัว เพราะฉะนั้นมื้อนี้เลือกกินกันเอง ราคาที่ติดไว้ก็ประมาณ 600-1200 เยน  เราเดินไปเดินมา เลือกร้านที่คนน้อยหน่อยเพราะขี้เกียจรอ ก็เขาคัดเลือกมาแล้วนี่ อร่อยทุกร้านแหละ ที่สำคัญเลือกร้านที่มีรูปและตู้หยอดเหรียญ อยากกินชามไหนก็หยอดเหรียญแล้วกดเอาใบออกมายื่นให้คนทำ แค่นี้ก็ได้กิน
 
 
 
   ราเมงถูกปากบ้าง ไม่ถูกปากบ้าง แต่เราคนไทยปากหวาน ก่อนออกจากร้านก็ชมเขาเสียหน่อย “โออิชิ” แค่นี้ก็เสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นแล้ว

            เจอกันตามเวลานัดหน้าตรอกราเมง ไกด์ก็พาเราเดินไปแหล่งช็อปปิ้งที่อยู่ไม่ไกล เดินผ่านย่านการค้าแสงสีจากป้ายไฟโฆษณาสินค้าเต็มไปหมด  ถึงย่าน”ซูซูกิโน”และ”ทานุกิ” มีห้างร้านให้เดินเยอะมาก คนก็มากด้วย นัดเวลากันเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไป เรายังไม่ได้ซื้ออะไรมาก เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องมาช็อปกันทั้งวันอยู่แล้ว แค่เดินดูๆราคา หาซื้อผลไม้และมันเผาร้อนๆกิน สตรอเบอรี่ที่นี่ลูกใหญ่ยักษ์และหวานฉ่ำมาก แต่เมลอนแพงเหลือเกิน ลูกละเกือบ 3 พันเยน!
 
 

 
    วันรุ่งขึ้นหลังอาหารเช้าที่โรงแรมก็เป็นวันฟรีที่เราต้องไปเที่ยวเอง ใครจะไปไหนไกด์แนะนำให้ได้ พวกเราจะขึ้นไปชมวิวที่ชั้น 38 ตึก JR TOWER กัน ไกด์แนะนำให้นั่งรถใต้ดินไป 3 สถานีไปลงที่สถานี JR TOWER เลย ซึ่งตัวสถานีก็อยู่ใต้ตึกนั่นแหละ แถวนี้มีห้างใหญ่ๆหลายห้างเชื่อมถึงกันหมด  ตอนอยู่บนเครื่องเราได้หยิบหนังสือแจกฟรีของการท่องเที่ยวฮอกไกโดลงมาด้วย ในนั้นมีคูปองลดค่าขึ้นชมวิวที่ชั้น 38 คนละ 100 เยน เหลือจ่ายเพียงคนละ 600 เยนด้านบนวิวสวยมาก เดินรอบๆเห็นวิว 360 องศาเลย  JR TOWER เป็นตึกที่สูงที่สุดในซัปโปโร สูง160 เมตร
 
 
 
            มื้อเที่ยง เรากินข้าวห่อไข่กัน แน่ใจว่าอร่อยเพราะคนต่อคิวหน้าร้านเยอะมาก ได้กินข้าวห่อไข่ต้นตำรับเสียที หลังจากนั้นเราก็ช็อปกันในห้างแถวๆนั้น เสื้อผ้าและรองเท้าบางอย่างลดราคาเยอะมาก นับว่าถูกเลยทีเดียว เสื้อตัวละ 400 บาท รองเท้าบู้ทเหลือ 300 บาท บ้านเรายังหาไม่ได้เลย UniQlo ก็ถูกกว่าบ้านเราเท่าตัว ช็อปจนเมื่อยขาและของเต็มมือก็ชวนกันนั่งรถไฟใต้ดินกลับโรงแรม เอาของเก็บและพักเหนื่อย ก่อนที่จะมีแรงไปเดินช็อปต่อ
 


 

    จะว่าไป เราไม่เคยเห็นใครบอกว่าไม่ชอบญี่ปุ่นเลย คนไทยชอบประเทศนี้ อยากกลับไปซ้ำ มีพี่คนหนึ่งในกรุ๊ปทัวร์นี้มาญี่ปุ่น 13 ครั้งแล้ว ถึงแม้คนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยพูดอังกฤษ แต่ความมีระเบียบวินัย อ่อนน้อม และการพยายามช่วยเหลือเมื่อเราร้องขอ แม้จะสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็ทำให้เราหลงรักประเทศนี้ได้ไม่ยาก นี่ยังไม่นับรวมถึงธรรมชาติอันงดงามในทุกฤดูกาลของประเทศนี้ที่ทำให้เราอยากกลับมาซ้ำแล้วซ้ำอีก
Tag : Japan Hokkaido เที่ยว ญี่ปุ่น ฮอกไกโด

Comments to this story

Write a comment


1.  views readmore
ALL Most Viewed
ALL TOP Rated
1.  comments readmore
ALL Most Comment