Story We Share

ผักผลไม้ และอาหารต้านมะเร็ง

 

จากหนังสือ อาหารต้านโรค (Alternative Medicine) โภชนาการทางเลือก กินอย่างไรให้สุขภาพดี และมีชีวิตยืนยาวโดย ฉัตรภา หัตถโกศล มีประเด็นเรื่องผลไม้ต้านมะเร็ง วันนี้เลยนำมาแชร์กันค่ะ

 

ผักผลไม้จำนวนมากประกอบด้วยสารต่อต้านมะเร็งรวมถึง 20,000 ชนิดของไบโอฟลาโวนอยด์ เช่น ควอซิทินให้สารสีเหลือง และ 800 ชนิด ของแคโรทีนอยด์ ทีมีสีส้มเหลือง รวมถึงไลโคปีน สารสกัดจากมะเขือเทศ สารเหล่านี้ได้มาจากผัก และผลไม้ที่มีสีสันสดใส ผลไม้สีสันสดใสเหล่านี้ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้ถึง 87 % รวมถึงโพแทสเซียม กลูต้าไทโอน คลอโรฟิลล์ ใยอาหาร ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

 

พวกผักผลไม้สีเข้มๆ ยิ่งดี เช่นพวก Raspberry, Blueberry, Blackberry เป็นต้น  มีผลในการฆ่าเซลล์มะเร็ง สำหรับมะเขือเทศนั้นมีวิตามินซีสูง สามารถต้านมะเร็งได้ดี เนื่องจากในมะเขือเทศมีสารไลโคปีน  นอกจากนี้ผลไม้ที่ช่วยย่อยโปรตีน เช่น สัปปะรด มะละกอ ฝรั่ง กีวี ช่วยลดการบวมโลหิตจาง และส่งเสริมสุขภาพทั้งหมด ให้เราจำไว้เสมอว่ายิ่งผัก และผลไม้มีสีเข้มมากขึ้นเท่าใดก็ยิ่งมีพลังต่อต้นเซลล์มะเร็งได้ดีเท่านั้น เช่น ผักโขม คะน้า ก็จะมีสารอาหารมากกว่าผักกาดขาว แตงกว่า ถ้าเป็นผลไม้ องุ่นดำจะดีกว่าองุ่นเขียวนั่นเอง

 

ร่างกายคนโดยปกติแล้วจะมีระบบภูมิคุ้มกัน และทำลายเชื่อโรคต่างๆ ที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วย แต่หากเป็นโรคมะเร็งระบบภุมิคุ้มกันของร่างกายจะสูญเสียไป ดังนั้นจึงยิ่งต้องได้รับสารอาหารที่ดีจึงจะสามารถสร้างภุมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็คือ ผักผลไม้สีเข้มๆนั่นเอง นอกจากนี้ระบบการเพิ่มภูมิคุ้มกันยังสามารถได้มาจากไขมันหลายชนิด เช่น ไขมันจากปลา น้ำมันจากเมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันงา น้ำมันมะกอก อะโวคาโด เลซิติน เหล่านี้ช่วยป้องกันมะเร็ง ไขมันเหล่านี้ช่วยปกป้องเม็ดเลือด กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ขยายหลอดเลือด เพิ่มประสิทธิภาพระบบภูมิคุ้มกัน ยืดอายุเซลล์ต่างๆ แม้แต่ในผู้ป่วยมะเร็งระยะเรื้อรัง

มาดูกันว่าถ้าเราจะต้องต้านมะเร็งกันจริงๆ จะต้องได้รับสารอาหารอะไรบ้างเพื่อป้องกันมะเร็ง ดังนี้

1. วิตามินซี 1 กรัม
2. โคเอนไซม์คิวเทน 60 มิลลิกรัม
3. ชาเขียว และ วิตามินอี 400 กรัม
4. แคโรทีนอยด์ 1 กรัม
5. ไลโคปีน และ เซเลเนียม

รู้อย่างนี้แล้วเราก็ไปหาอาหารเสริมทานให้ได้ปริมาณข้างต้นต่อวันนะคะ

 

สิ่งน่ารู้เรื่องโรคมะเร็งในระยะที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตคือ ระบบเกี่ยวกับลำไส้นั่นเอง เพราะ ในลำไส้มีแบคทีเรียถึง 2 กิโลกรัม รวมทั่งยีสต์ และตัวอื่นๆ ทำให้เกิดโรค ซึ่งเมื่อเชื่อโรคเหล่านี้อยู่ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบเลือด เพราะลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมอาหาร เมื่อมีเชื้อโรคมาก (ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีภูมิคุ้มกันในทางเดินอาหารอ่อนแอ) เวลาที่ดูดซึมอาหาร จึงดูดซึมเชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่กระแสเลือดด้วย ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตในที่สุด มีงานวิจัยที่บอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างน้ำตาลกับการเกิดมะเร็งว่า คนที่ทานหวานมีโอกาสเป็นมะเร็งทางเดินอาหารสูงกว่าปกติ ทางหนึ่งที่ช่วยได้คือ หลีกเลี่ยงน้ำตาล และ ทานอาหารที่มีกากใยมากๆ เพื่อจับน้ำตาลให้ออกมากับอุจจาระ

 

สำหรับการรักษามะเร็งด้วยคีโม ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมกันที่จริงแล้วสามารถทำลายได้ทั้งเซลล์มะเร็ง และเซลล์ดี หลังจากที่มะเร็งหายไป เซลล์ทางเดินอาหารที่เหลืออยู่ก็เสียสภาพเช่นเดียวกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอกว่าปกติ และกลับมาเป็นมะเร็งได้อีกครั้ง

 

ดังนั้นเราจึงข้อสรุปว่า ผัก ผลไม้ สีสด ช่วยป้องกันมะเร็งได้ ให้เราหมั่นทานผักผลไม้สดสีเข้มๆ นะคะ แล้วนอกจากนี้อาหารเสริมที่จำเป็นเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันก็จำเป็น ไม่ทานอาหารที่มีไขมันมาก ของทอด รวมถึงของหวาน เพื่อลดอัตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง ขอให้เราเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารแบบตามใจตนเอง และหันมาสนใจสุขภาพกันนะคะ หนังสือเล่มนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องของ Aromatherapy อีกด้วย เราจะมาต่อกันในครั้งหน้า อย่าลืมนะคะ “อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ์ค่ะ

ขอบคุณรูปภาพจาก เว็บไซต์ :
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000040581

Tag : ผัก ผลไม้